แหวนหมั้น

กระทู้คำถาม
เอาเรื่องสั้นมาฝากนะคะ พอดีรื้อค้นสมบัติเก่าๆ แล้วไปเจอเรื่องสั้นที่เคยเขียนไว้เมื่อ 10 กว่าปีก่อนซุกซ่อนตัวอยู่
แอบเสียดายเบาๆ เอามาแชร์ให้อ่านกันเล่นๆ ค่ะ ^^

------------    ------------    ------------    ------------
เกด... ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ชื่นชอบและหลงใหลในความงามของเพชร
เกดจึงไม่ลังเลใจ เมื่อ “ป้อม” เพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน เสนอที่จะขายแหวนเพชรวงหนึ่งให้ในราคาที่ไม่แพง
แต่หลังจากที่เกดซื้อแหวนวงสวยนั้นมา เพียงชั่วข้ามคืน ก็เกิดเรื่องราวแปลกประหลาดที่ไม่สามารถหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาลบล้างได้เลย
    
------------    ------------    ------------    ------------

แหวนเพชรน้ำงามวงหนึ่ง สวยเด่นอยู่บนนิ้วนางข้างขวาของเกดราวๆ หกถึงเจ็ดชั่วโมงได้แล้ว นับตั้งแต่เมื่อรับซื้อมันมาจากเพื่อนชายที่สนิท
เกดก็สวมติดนิ้ว จนกระทั่งขับรถกลับมาถึงบ้านในช่วงค่ำคืน    ระหว่างที่หญิงสาวกำลังสาละวนรวบรวมสิ่งของลงจากรถ
เธอไม่ได้สังเกตจากกระจกมองหลังเลยว่า มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องเธออยู่จากประตูรั้วบานใหญ่นั่นเอง

“กินข้าวมาหรือยังเกด”
เสียงของแม่ ทำให้เกดละสายตาขึ้นจากข้าวของที่เพิ่งรวบรวมเสร็จ แต่หญิงสาวก็ยังไม่เห็นใครบางคนที่ยังคงเฝ้ามองอยู่จากมุมเดิม
ถึงแม้ว่าเธอจะลงมาจากรถแล้วก็ตาม

“ยังค่ะ... เกดอยากกลับมากินกับแม่”

แม่ยิ้มหวาน ช่วยลูกสาวถือของบางส่วน พากันเดินเข้าไปข้างในตัวบ้าน

“เกดไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวค่อยมากินข้าวพร้อมกันกับแม่”
“งั้น... แม่รอเกดแป๊ปนึงนะ”

แม่พยักหน้าแทนการรับคำ มองตามลูกสาวที่เดินขึ้นบันไดไปจนลับสายตา แต่กลับมองเห็นใครอีกคนหนึ่ง
กำลังขึ่นบันไดตามเกดไป เพียงชั่วพริบตา ใครคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว
    
    ------------    ------------    ------------    ------------
    
เกดชะงัก! หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำทันทีที่ก้าวออกมา เมื่อได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งลงตรงข้ามแม่ซึ่งกำลังพินิจพิจารณาแหวนวงโปรดของเธอ
ที่เพิ่งถูกถอดออก ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำไป สายตาของเธอคนนั้นจับจ้องอยู่ที่ของสิ่งเดียวกันกับแม่ เพียงชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น เธอก็หายวับไปกับตา

“แหวนใหม่เหรอลูก”
“ค่ะ”

น้ำเสียงของหญิงสาวไม่สู้เป็นปกตินัก ภาพใครคนหนึ่งยังคงติดตาอยู่ แม่คงไม่ทันสังเกตเห็นแต่เริ่มคำถามใหม่ทันที

“ซื้อมาจากไหนกัน”
“ป้อมน่ะค่ะแม่ เอามาขายต่อให้เกด”
“แหวนสวยๆ น้ำงามขนาดนี้ ทำไมเขาไม่เก็บไว้นะ พ่อแม่เขาขายเพชรไม่ใช่เหรอ”

การที่ได้ตอบคำถามมากขึ้นๆ ทำให้เกดรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง ความกลัวที่จับใจเริ่มสลายไปทีละนิดๆ
หญิงสาวตอบคำถามแม่พลางเช็ดผมที่ยังไม่แห้งดี แล้วนั่งลงบนเตียงข้างๆ กัน

“นั่นสิคะแม่ เกดก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่าทางป้อมดูร้อนรนยังไงพิกล จะว่าร้อนเงินก็ไม่น่าใช่
เพราะป้อมไม่เคยเสียประวัติเลย ฐานะทางบ้านก็ออกจะดีด้วยซ้ำไป”

“ไปเผลอฆ่าใครตาย แล้วเอาแหวนมาขายให้เกดหรือเปล่า ระวังนะ เดี๋ยวเจ้าของเขาจะมาตามทวงคืน”
“แม่! กลางค่ำกลางคืนแล้ว แม่พูดแบบนี้เกดกลัวนะคะ”

แม่ถอนใจแล้วส่ายหน้า พลางส่งแหวนวงนั้นคืนให้กับลูกสาวพร้อมคำตำหนิ

“แม่ก็พูดเล่นไปเรื่อย อย่างตาป้อมจะไปฆ่าใครตายได้ เรามันขี้กลัวเกินไปแล้ว”

เกดกอดแม่แน่น ภาพของหญิงสาวเมื่อครู่ นำพาความกลัวมาสู่เธออีกครั้ง
แม้จะยังเห็นหน้าเธอคนนั้นได้ไม่ชัด แต่แววตาและท่าทีของเธอยังคงฝังใจ ติดตา

------------    ------------    ------------    ------------

ใบหน้าสวยคมของหญิงสาวนัยน์ตาโศกที่อยู่ในชุดไทย เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขตลอดเวลา
เมื่อเข้าสู่พิธีหมั้น บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรัก เมื่อฝ่ายชายสวมแหวนเพชรเม็ดงามให้กับหญิงสาว
ยังความปลาบปลื้มให้กับทุกคนที่มาร่วมงาน

เมื่อเวลาผ่านพ้นมาจนรุ่งเช้า เกดเฝ้าทบทวนและครุ่นคิดถึงภาพงานวันหมั้นในความฝัน แหวนหมั้นของสาวนัยน์ตาโศกผู้นั้น
ไม่ได้มีจุดใดที่ผิดเพี้ยนไปจากแหวนเพชรวงที่เธอซื้อต่อมาจากป้อมเลย และสิ่งที่เกดมั่นใจมากกว่านั้นคือ
แววตาของเธอเหมือนกันกับคนที่เกดเห็นเมื่อคืนวาน

------------    ------------    ------------    ------------

ถ้วยกาแฟใบหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่กำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงมุมกาแฟของสำนักงาน
เสียงฝีเท้าที่กำลังเคลื่อนเข้าใกล้ ทำให้เขาละสายตาจากสิ่งที่กำลังสนใจ และเมื่อได้รู้ว่าเจ้าของฝีเท้านั้นเป็นใคร
เขาก็ก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วทักทายเพื่อนสาวอย่างสนิทสนมเช่นเคย

“ไง... เกด วันนี้สายกว่าทุกวันเลยนะ”
“รถเสียน่ะสิ เลยช้ากว่าทุกวัน”

เกดเบ้ปาก ออกอาการเซ็ง เมื่อเอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้เธอมาถึงที่ทำงานช้ากว่าปกติ หญิงสาวนั่งลงตรงข้ามกับเพื่อนรักแล้วออดอ้อนทันที

“เย็นนี้... ไปส่งฉันหน่อยสิ นะป้อมนะ”

ชายหนุ่มอมยิ้ม นึกขันในท่าทีฉอเลาะ

“เสียใจจ้ะเกด... อีกครึ่งชั่วโมงฉันก็จะไปสัมมนาที่หัวหินแล้ว”
“สัมมนาเสร็จตอนบ่ายๆ ไม่ใช่เหรอ ตกเย็นเธอก็ต้องมารายงานตัวที่บริษัทนี่”
“สัมมนาเสร็จตอนบ่ายแต่มีงานเลี้ยงต่อตอนเย็น กลับถึงกรุงเทพฯ ก็ประมาณสามทุ่ม รอฉันไหวไหมล่ะ”
“กลับแท็กซี่ก็ได้”

เกดเลิกง้อ ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเตรียมตัวจะเข้าทำงาน แต่แล้วสายตากลับสะดุดหยุดอยู่ที่แหวนวงโปรดซึ่งเธอยังคงสวมไว้        

“ป้อม... เมื่อคืนฉันฝันแปลกมากเลย”

ป้อมรู้สึกใจคอไม่สู้ดีนัก เมื่อเห็นสีหน้าที่พยายามเก็บซ่อนความหวาดกลัวของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
ขณะที่เกดยังคงพูดถึงความฝันของเธอต่อไปโดยไม่ได้สนใจอากัปกิริยาของเขา

“ฉันฝันเห็นงานวันหมั้น... แล้วแหวนในงานนั้นมันก็เหมือนกันกับวงที่ฉันซื้อต่อมาจากเธอ
ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า... เจ้าของแหวนเขาตายไปแล้ว แล้วเขาก็อยากได้แหวนของเขาคืน ฉันเห็นเขาตามมาที่บ้าน...
ป้อม... เธอว่าฉันคิดมากไปหรือเปล่า”

เกดจ้องมองแววตาเพื่อนรักที่ดูเปี่ยมไปด้วยพิรุธ หญิงสาวมั่นใจว่าเขาต้องมีเรื่องราวบางอย่างปิดบังอยู่เป็นแน่
และดูเหมือนว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขัดจังหวะ จะทำให้ชายหนุ่มดูเบาใจลงมาก เขาฉวยโอกาสเอาจังหวะนั้น ลุกขึ้นยืน
แล้วเอาหนังสือพิมพ์ไปเก็บ

“สวัสดีค่ะแม่”
“เกด... ไฟไหม้ในครัวที่บ้านเราเมื่อเช้านะลูก”

หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจ รีบถามไถ่ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอโล่งอกเมื่อแม่บอกว่าไม่เป็นอะไร มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยดับไว้ได้ทัน

“เขาเป็นใครกันคะแม่”
“แม่ก็ไม่รู้... ยังไม่ทันได้ถามเลย ดับไฟเสร็จ เขาก็หายไปแล้ว เกดไม่ต้องเป็นห่วงนะ
ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว แม่แค่โทรมาบอกเฉยๆ เดี๋ยวเราจะหาว่าแม่เป็นอะไรแล้วไม่บอก กลับมาค่อยคุยกันนะ”

แม่วางสายไปแล้ว แต่หัวใจของเกดยังเต้นระทึก เมื่อแม่เอ่ยถึงหญิงสาวที่มาช่วยดับไฟ
เกดกลับนึกถึงแววตาโศกของใครคนหนึ่งขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนี้มีเจตนาอย่างไรต่อเธอกันแน่
ครั้นพอนึกถึงคนที่น่าจะเป็นต้นเหตุ เกดก็พบว่าเขาหายไปแล้ว

“แม่บ้าน... ป้อมไปไหนแล้วคะ”
“ออกไปสัมมนากับคุณรุจน์แล้วค่ะ”

คำตอบของแม่บ้านทำให้หญิงสาวสิ้นหวัง
ณ เวลานี้ เธอต้องการให้ใครสักคนไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกับเธอ
        ------------    ------------    ------------    ------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่